วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

โรคหลอดเลือดสมอง(Stroke)(2) : หลอดเลือดสมองตีบ

See this page in english language

     สวัสดีครับ ในครั้งที่แล้วเราได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของสมอง และโรคร้ายที่จะเกิดกับสมองกันคร่าวๆแล้วนะครับ ซึ่งในวันนี้เราจะมาเรียนรู้กลุ่มอาการแรกของโรคหลอดเลือดสมองกันนะครับ ซึ่งก็คือ กลุ่มอาการสมองขาดเลือดจากเส้นเลือดตีบหรืออุดตัน(Ischemic Stroke or Cerebral Embolism) จะเห็นได้ว่าในกลุ่มนี้จะมีสาเหตุหลักๆ 2 อย่างนะครับ เรามาทำความรู้จักกับสาเหตุแรกก่อนแล้วกันครับ
     เส้นเลือดสมองตีบ เราจะพบได้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวครับ มักก่อให้เกิดอาการอัมพาตครึ่งซีก(ซีกซ้ายหรือขวาของร่างกายเพียงซีกเดียว) โดยมากแล้วจะเจอกับผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมาเป็นระยะเวลานานครับ ส่วนความรุนแรงนั้นขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเส้นเลือดที่ตีบครับ บางคนเส้นเลือดที่ตีบมีขนาดใหญ่แต่กลับมีอาการไม่มาก ในขณะที่อีกคนหนึ่งเส้นเลือดที่ตีบนั้นเป็นแค่เส้นเล็กๆ แต่กลับสร้างความพิการอย่างรุนแรงก็ได้ จะว่าไปก็ขึ้นอยู่กับดวงเหมือนกันครับว่าจะไปตีบที่ตรงไหน แต่ถึงแม้จะดูน่ากลัวแต่โรคนี้กลับเป็นโรคที่หากท่านมีความรู้และได้อ่านบทความนี้จะสามารถลดความพิการ หรือรอดพ้นจากความพิการได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยนะครับ ผมจึงเลือกที่จะเริ่มจากเรื่องนี้เป็นอันดับแรก เพราะเชื่อว่าคงมีผู้นำไปใช้แล้วรอดพ้นความพิการได้นะครับ
     ผมขออธิบายถึงสาเหตุให้ละเอียดขึ้นอีกนิดหน่อยนะครับ เราจะได้มีความรู้พื้นฐานและเข้าใจโรคนี้ดีขึ้น ในตอนต้นคงได้ทราบแล้วว่าโรคนี้มักเกิดกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยเบาหวาน ในส่วนของผู้สูงอายุผมคงไม่พูดถึงมากนักนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องความเสื่อมไปของร่างกาย เราไปแก้ไขอะไรได้ไม่มากนัก แต่ผมจะเน้นมากเรื่องโรคเบาหวาน ที่ปัจจุบันคนไทยเป็นกันเยอะ เพราะเราเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารไปจากสมัยก่อนมาก แต่หากจะให้เล่าเรื่องโรคเบาหวานตอนนี้คงไม่จบเรื่องโรคเส้นเลือดสมองแน่ ขออนุญาตรวบรวมไว้เป็นเรื่องของโรคเบาหวานโดยเฉพาะอีกทีแล้วกันนะครับ
     มาต่อที่เส้นเลือดสมองตีบนะครับสำหรับอาการที่ต้องสงสัยว่าเป็นเส้นเลือดสมองตีบอย่างละเอียดมีดังนี้ครับ
  • เวียนศีรษะ(บางครั้งรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมหมุนไปหมด ถ้าใครเคยเล่นหมุนตัวรอบตัวเองสมัยเด็กๆล่ะก็จะรู้สึกแบบนั้นล่ะครับ) ซึ่งจะต่างจากการเวียนศีรษะที่ท่านเคยเป็นอย่างค่อนข้างมากเลยครับ
  • อาเจียน มักเกิดร่วมกับการเวียนศีรษะ บางครั้งอาเจียนจนพุ่งออกมาเลยก็มี
  • ลิ้นแข็งขยับลิ้นได้ลำบาก ลิ้นชา กลืนอาหารลำบาก โดยเฉพาะน้ำจะทำให้สำลักได้ทันที บางคนจะพูดไม่ได้ด้วย
  • ปากเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง บางคนหนังตาตกข้างเดียว อาจมีคอเอียงได้บ้างครับ
  • แขนขาชา(เหมือนเป็นเหน็บ) ขยับได้ลำบาก บางครั้งค่อยๆเริ่มอ่อนแรงลงจนกระทั่งไม่มีแรงไปเลย และจะเป็นเพียงซีกใดซีกหนึ่งของร่างกายเท่านั้น(ซ้ายหรือขวา)
  • ลุกขึ้นยืน เดินไม่ได้ ทรงตัวไม่อยู่ มีอาการเหมือนเข่าอ่อนไม่มีแรง
  • บางคนมีอาการที่กล่าวมาทั้งหมดแถมหมดสติไปอีกด้วย
     ถ้าตัวท่านหรือคนที่ท่านรักมีอาการดังนี้อย่าพึ่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูกนะครับ ขอให้ปฏิบัติตัวดังนี้คือ
  • หากท่านยังไม่หมดสติ ให้ทำการสำรวจตัวเองอย่างรวดเร็วครับว่าส่วนใดบ้างที่อ่อนแรงลงไปเพราะส่วนมากจะเป็นเพียงซีกเดียวเท่านั้น ท่านยังเหลือร่างกายอีกข้างที่ยังใช้ได้ครับ
  • เรียกคนที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที หรือใช้วิธีทำให้เกิดเสียงดังๆก็ได้ ในกรณีที่ท่านพูดไม่ได้นะครับ
  • อย่าดื่มน้ำหรือกินอาหารใดๆเพราะอาจทำให้สำลักลงปอดได้ จะทำให้อาการแย่ลงไปอีกครับ
  • นำส่งโรงพยาบาลทันที ในส่วนนี้สำคัญที่สุดครับ ผมไม่แนะนำให้ส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อนเสมอไปนะครับ เพราะโรคนี้จะลดความพิการหรือรอดพ้นความพิการได้ท่านต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องถายใน 3 ชั่วโมงแรกหลังเกิดอาการเท่านั้น
     ที่บอก 3 ชั่วโมงเพราะเป็นช่วงเวลาที่สมองบางส่วนที่ขาดเลือดนั้นยังสามารถฟื้นขึ้นมาได้เมื่อได้รับเลือดและออกซิเจนปริมาณสูงเพียงพอครับ บางคนพาเข้าโรงพยาบาลใกล้บ้านแต่แทบไม่ได้รับการตรวจประเมินหรือรักษาใดๆจนพ้นระยะวิกฤติคือ 3 ชั่วโมงไปก็แปลว่าจะกลายเป็นคนพิการค่อนข้างแน่นอนครับ
ดังนั้น ผมขอแนะนำให้พาไปโรงพยาบาลที่สามารถตรวจประเมินได้ทันที มีแพทย์และเครื่องมือที่ตรวจได้ (คือ CT Scan และ MRI )ครับ นอกจากนี้บางโรงพยาบาลในกรุงเทพจะมีระบบรับผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบอยู่แล้วทำให้สามารถเข้าสู่ระบบการตรวจจนกระทั่งได้ยาภายใน 3 ชั่วโมงค่อนข้างแน่นอนครับ
     โรงพยาบาลที่มีระบบนี้เท่าที่ผมนึกออกนะครับ ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช รามาธิบดี ราชวิถี ของเอกชนก็น่าจะเป็นบำรุงราษฎร์ ครับ ส่วนโรงพยาบาลใกล้บ้านท่านจะมีระบบดังกล่าวไหมขอแนะนำให้ท่านโทรศัพท์ไปสอบถามล่วงหน้าก่อนนะครับ และถ้าจะให้ดีทำความเข้าใจกับคนในบ้านไว้ก่อนเลยนะครับว่าถ้าท่านมีอาการขึ้นมาจริงๆจะไปโรงพยาบาลไหนก็จะสามารถรอดพ้นจากความพิการได้เกือบร้อยเปอร์เซนต์เลยครับ
     ในตอนต่อไปเราจะมารู้จักกับอีกกลุ่มหนึ่งนะครับนั่นคือเส้นเลือดอุดตันครับ

1 ความคิดเห็น: